ได้รับรางวัล “Special A” มากที่สุด
ข้าวอุโอนุมะ โคชิฮิคาริ (Uonuma Koshihikari) เป็นข้าวคุณภาพสูงและได้รับการกล่าวขานว่าเป็นข้าวที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น โดยได้รับรางวัล Special A ถึง 33 รางวัล ในด้าน “การจัดอันดับรสชาติของข้าว” จัดขึ้นโดยสมาคมตรวจสอบเมล็ดพืชแห่งประเทศญี่ปุ่น
ข้าวโคชิฮิคาริที่ผลิตในพื้นที่อุโอนุมะ ครอบคลุม 5 เมืองและ 2 หมู่บ้านที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ได้แก่ เมืองคิตะอุโอนุมะ, นากะอุโอนุมะ, และมินามิอุโอนุมะ
ในบรรดาข้าวญี่ปุ่น มินามิอุโอนุมะ (ชิโอซาว่า โคชิฮิคาริ) ได้รับการประเมินว่าอร่อยเป็นพิเศษ และถือเป็นข้าวโคชิฮิคาริที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ มินามิอุโอนุมะ โคชิฮิคาริ ยังขึ้นชื่อว่าเป็นข้าวที่มีคุณค่า ข้าวโคชิฮิคาริจากมินามิอุโอนุมะ คือข้าวอันแสนพิเศษที่ผลิตได้ในพื้นที่เพียง 4,630.97 เฮกตาร์เท่านั้น (1 เฮกตาร์ เท่ากับ 6.25 ไร่)
โดยพื้นที่การผลิตนี้ คิดเป็นเพียง 0.3% ของพื้นที่การผลิตข้าวทั่วประเทศญี่ปุ่น ในปี 2022 พื้นที่ผลิตข้าวในญี่ปุ่นทั้งหมดคิดเป็น 1,251,000 เฮกตาร์ ข้าวมินามิอุโอนุมะมีพื้นที่การผลิตเพียง 4,630.97 เฮกตาร์ จึงคิดเป็น 0.3% ของผลผลิตข้าวในประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง
ด้วยพื้นที่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาเอจิโกะและเนินเขาอุโอนุมะ ทำให้มี ‘อุณหภูมิที่ต่างกันระหว่างกลางวันและกลางคืน’ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่นี้เลยก็ว่าได้ ด้วยความต่างของอุณหภูมิจึงทำให้ส่วนผสมความอร่อยของข้าวจะเข้าสู่ชั้นหินอ่อน และส่งผลให้ข้าวมีคุณภาพที่ดีและมีกลิ่นหอมมากขึ้น
ดินของพื้นที่มินามิอุโอนุมะเป็นดินเหนียวและมีปริมาณไนโตรเจนต่ำ จึงเข้ากันได้ดีกับข้าวโคชิฮิคาริ แม้จะใช้ปุ๋ยเคมีเพียงเล็กน้อย ข้าวก็ยังเติบโตได้ดี รวมทั้งมีโปรตีนต่ำ และเหนียวนุ่มอร่อย
เนื่องจากมินามิอุโอนุมะเป็นพื้นที่ที่มีหิมะตกหนักที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น จึงทำให้มี “น้ำที่ละลายจากหิมะ” ที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่มีความบริสุทธิ์ด้วยสารอาหารจากภูเขา ทำให้ข้าวที่ปลูกที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยเช่นกัน
ข้าวมินามิอุโอนุมะ โคชิฮิคาริ ถูกใช้เป็นข้าวในการต้อนรับกษัตริย์และประธานาธิบดีจากทั่วโลก นอกจากนี้ ยังใช้ในเกสต์เฮ้าส์พระตำหนักอาคาซากะ ตั้งแต่สมัยพระราชวงศ์ Go-Yōzei (1586-1611) โดยใช้สำหรับเชื้อพระวงศ์มายาวนานกว่า 395 ปี และยังใช้ที่ร้าน “Toraya” ที่เปิดมาอย่างยาวนานด้วย
ความพิถีพิถันในเรื่องของวัตถุดิบ ทำให้ได้รับการเลือกใช้จากคนที่ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบ
*จากตารางข้างต้นประเมินโดยผู้ตรวจวัดข้าวของบริษัท
และผู้ที่มีคุณสมบัติสำหรับการทดสอบการประเมินรสชาติของข้าว
ซึ่งความหวานของข้าวนั้นมีความเข้มข้น ยิ่งเคี้ยว ก็ยิ่งหวาน และยังมีลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือความนุ่มฟู
เนื่องจากข้าวมินามิอุโอนุมะโคชิฮิคาริมีรสหวาน
จึงเหมาะสำหรับการรับประทานพร้อมเครื่องเคียง ซึ่งเมนูที่แนะนำคือ..
นับตั้งแต่เปิดตัว
ก็สามารถคว้ารางวัล
สูงสุด มาโดยตลอด
Yumepirika เป็นข้าวคุณภาพสูงสุดที่พัฒนามากว่า 10 ปี ด้วยความมุ่งมั่นที่จะ “ผลิตข้าวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นจากฮอกไกโด”
โดยได้รวบรวมนักวิจัยจากทั่วฮอกไกโดและเริ่มพัฒนาสายพันธุ์จากต้นข้าวประมาณ 150,000 ต้น ซึ่งถูกทดสอบทีละต้น และใช้เวลา 10 ปีเพื่อค้นหาต้นข้าวเพียงต้นเดียวที่ดีที่สุด แล้วพัฒนาเป็น Yumepirika
ได้รับการประเมินเป็นอันดับสูงสุดของข้าวในกลุ่ม “Special A” ติดต่อกัน 13 ปีซ้อน ตั้งแต่เปิดตัว
ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะเป็น “ข้าวที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นจากฮอกไกโด” เราได้ใช้เวลาในการค้นคว้าวิจัยข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Yumepirika ยาวนานถึง 10 ปี
และได้รับรางวัล “Special A” เป็นเวลา 13 ปีติดต่อกันนับตั้งแต่เปิดตัวใน “การจัดอันดับรสชาติข้าว” ที่จัดทำโดย สมาคมตรวจสอบธัญพืชแห่งประเทศญี่ปุ่น
ข้าวที่อร่อย ควรมีค่าอะมิโลสต่ำ เพราะจะทำให้ข้าวมีความเหนียวนุ่มมากขึ้น และถ้ายิ่งมีปริมาณโปรตีนต่ำด้วย ข้าวที่หุงก็จะยิ่งนุ่ม เนื่องจากข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ยูเมะพิริกะมีอัตราส่วนอะมิโลสและโปรตีนต่ำ จึงทำให้มีรสชาติที่ดี
ข้าวพันธุ์ยูเมะพิริกะถูกผสมข้ามสายพันธุ์ในปี 1997 และได้รับการวิจัยนานกว่า 10 ปี เพื่อให้ได้ข้าวที่หวานอร่อย มีเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่มลงตัว เมื่อหุงสุก เม็ดข้าวจะมีความเงางาม ซึ่งถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จในการผลิตข้าวจากฮอกไกโดที่ไม่เคยมีมาก่อน
จากการทดสอบรสชาติทางประสาทสัมผัส พบว่า “ยูเมะพิริกะ” มีรสหวานมากที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ข้าวยูเมะพิริกะได้รับการประเมินว่ามีรสชาติหวานอร่อย
เราได้กำหนดมาตรฐานและคุณภาพในการผลิตข้าวยูเมะพิริกะให้ดีอยู่เสมอ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประทานข้าวที่มีคุณภาพดีและได้มาตรฐาน
ด้วยคะแนนการประเมินคุณภาพระดับสูง ทั้งด้านรสชาติและคุณภาพ ทำให้ยูเมพิริกะ ได้รับเลือกให้ใช้เสิร์ฟในชั้น First class และ Business class ของสายการบิน ANA (All Nippon Airways Co., Ltd.)
นอกจากนี้ข้าว “ยูเมะพิริกะ” ยังถูกเลือกใช้ในร้าน “IzumiBashi” ซึ่งเป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 200 ปี
*จากตารางข้างต้นประเมินโดยผู้ตรวจวัดข้าวของบริษัท
และผู้ที่มีคุณสมบัติสำหรับการทดสอบการประเมินรสชาติของข้าว
นอกจากเนื้อสัมผัสที่โดดเด่นแล้ว ข้าวยูเมะพิริกะยังมีความแวววาว ทำให้จานข้าวดูน่ารับประทาน จึงทำให้ข้าวยูเมะพิริกะเป็นที่นิยมในร้านอาหารหรู
ข้าวยูเมะพิริกะมีเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม เคี้ยวอร่อย แม้ว่าจะถูกตั้งทิ้งไว้จนเย็นก็จะไม่แห้งแข็ง เนื่องจากข้าวยูเมะพิริกะมีปริมาณอะมิโลสต่ำ จึงสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายรูปแบบ
โคชิฮิคาริเป็นข้าวพันธุ์ยอดนิยมซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของพื้นที่เพาะปลูกในญี่ปุ่น เป็นพันธุ์ข้าวอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นมาหลายปีทั้งในด้านความนิยม รสชาติ และปริมาณการผลิตเรียกได้ว่าเป็น “ราชาแห่งข้าว”
ในปี 2007, ข้าวโคชิฮิคาริ ได้รับรางวัล “Monte-Carlo Gastronomy International Awards” ที่เมือง
มอนติคาร์โล ประเทศโมนาโก
ในปี 2010, ข้าวโคชิฮิคาริจากจังหวัดนีงาตะ
ได้รับการยกย่องว่าเป็นข้าวที่ดีที่สุด ใน
“การประชุมคณะกรรมการประเมินคุณภาพข้าวของโลกครั้งที่ 2”
ข้าวโคชิฮิคาริในประเทศญี่ปุ่นมีรสชาติที่ดีเยี่ยม แต่ราคาค่อนข้างสูง เราจึงอยากให้คุณได้ลิ้มรสความอร่อยได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน
เราจึงปรับราคาให้เข้าถึงง่ายขึ้น ด้วยการลดราคาลงถึง 40% เมื่อเทียบกับข้าว ยูเมะพิริกะ และอุโอนุมะ
ข้าวแต่ละพันธุ์มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน เช่น “ความหวาน” “ความเหนียว” และ “กลิ่นหอมซึ่งอาจไม่เหมาะกับอาหารบางเมนู ผู้เชี่ยวชาญระดับ 5ดาวจึงได้สร้างสรรค์ส่วนผสมดั้งเดิมของข้าวโคชิฮิคาริที่คงความอร่อยและเข้ากันได้ดีกับทุกเมนู
*จากตารางข้างต้นประเมินโดยผู้ตรวจวัดข้าวของบริษัท
และผู้ที่มีคุณสมบัติสำหรับการทดสอบการประเมินรสชาติของข้าว